post:

14.1.55

Sts Guru: Streets Vintage Style!



     วินเทจคืออะไร วินเทจ หมายถึง Antique หรือที่เราเรียกว่าของเก่า แต่ที่จริงแล้วคือการหมักบ่มไวน์ตามรากศัพท์ซึ่งหมายถึงต้องมีอายุตั้งแต่ 20-100 ปีขึ้นไป ไม่งั้นก็แค่เก่าแต่ไม่เก๋า และ Vintage ยังหมายถึงอะไรที่เน้น High Quality ด้วย สังเกตที่ลายผ้า, Pattern, Cutting และปีที่ฮิตอันนี้สำคัญ เหมือนที่เราชอบเรียกเป็นยุค ถ้าเปรียบกับไวน์ก็คือปีที่ผลิตนั่นเองยิ่งเก่ายิ่งแพง

เสื้อผ้าแนวนี้เพราะมันไม่ได้มีขายทั่วไปไม่ใช่ของโหลหรือขายส่ง มีแค่ชิ้นนั้นชิ้นเดียวถึงจะมีเงินจะหาอีกชิ้นก็แทบไม่มีโอกาส ถ้าหาเจอก็ต้องเรียกว่าเป็นคู่แท้หรือคู่กรรมแล้วก่อนจะแต่งลุคนี้ขออธิบายเยอะหน่อย เพราะหลายคนเข้าใจว่า วินเทจ Fashion หรือ Style ต้องเป็นแต่ชุดลายดอก, ลูกไม้, เสื้อมี Pad หนุนบ่า และ กระเป๋าหนังขนาดกะทัดรัด สะพายปล่อยสายยาวเท่านั้น จริงๆแล้วมันมีเยอะมากๆ ขึ้นอยู่กับที่คุณเลือกเอามาผสมผสานให้เกิดความหลากหลายและสะดุดตามากกว่า ไม่จำเป็นว่าแต่ง วินเทจ แล้วออกมาเป็นลุคเดียวกันหมด

ลองมาดูยุคสมัยของ วินเทจสักหน่อยพอเป็น idea ให้คุณได้สนุกกับแนวนี้มากขึ้น


1. Victorian 1900’s 
เป็นแนวที่นิยมกันมากที่สุด Designers ชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็น Prada, MIU MIU, Mark Jacobs, Chole, Louis Vuitton และแบรนด์ดังอีกมากมายที่หลงเสนห์กับเสื้อผ้าแนว Victorian นี้ จุดเด่นจะเป็น เสื้อแขนพองเย็บจีบต้นแขนลายผ้าทั้งลายดอก ลูกไม้หรือกำมะหยี่และผ้า See Through ส่วนมากคอตั้ง

2. Art Deco 1920’s 
แนวนี้ให้คุณนึกถึง Madame Coco Chanel เธอคือตัวแทนของยุคนี้แบบตัวจริงเสียงจริงทั้งตัวไม่มี Fake

3. Art Deco 1930’s 
เริ่มมี Dress ลายผ้าสวยๆแขนสามส่วน เย็บตีเกล็ดด้านหน้าทั้ง 2ข้าง (ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Afternoon Dress) แต่ทรงผมยังคงดัดเป็นลอนคลื่นเงาวับอยู่ Highlight ของยุคนี้คือ Pattern ของชุดราตรีที่ ไม่เคยถูกปฏิเสธจาก Designers และดารา Hollywood ซึ่งไม่เคยพลาดที่จะมาอวดโฉมบน Red Carpet ของงานใหญ่ทุกงาน และยุคนี้คุณสุภาพสตรีทั้งหลายเริ่มใส่กางเกงขาบานเอวสูงกันแล่วค่ะ และอีกแนวที่เราเห็นบน Runway 2009’s ล่าสุดคือเสื้อผ้าแนวชุดนอนแบบโก้หรูที่เรียกว่า Lounging Pajamas Deco Pattern ของ Dolce & Gabbana ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคนี้เช่นกัน

4. World War2 1940’s 
ขอบอกว่าแนวนี้ In มากๆตอนนี้ เสื้อ Cropped Jacket ตัวสั้นกางเกงทรง Baggy ทั้งขาสั้นและขายาว ถ้าเป็นชุดว่ายน้ำต้องเป็น Two Pieces เอวสูง หรือแนว Bra Top เหมือนเสื้อในเต็มตัวใส่คู่กับขาสั้นเอวสูง รวมทั้ง Bow ก็มาแรงเสื้อ Blouse ผูก Bow ก็เริ่มที่ยุคนี้

5. Rockabilly 1950’s 
ยุคเริ่มต้นของ Designer ชื่อดังที่เป็นตำนาน Christian Dior เน้นที่ผ้าเรียบและ Pattern ที่โดดเด่น ชุด Halter Dress แบบคล้องคอ ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึง Marilyn Monroe ต้องบอกว่า Pop มั่กๆ เพราะเชื่อว่าเป็นภาพที่ติดตาของทุกคน และทรงผมดัดเป็นลอนแต่ด้านหน้ายกสูง เพราะยุคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ Rock ’n’ Roll

***Playsuit ก็เริ่มจากยุคนี้แต่เป็นชุดว่ายน้ำ One Piece ก่อน

6. Jacqueline O Kennedy 1960’s 
ยุค Sixties นี้ทุกคนคงนึกภาพได้ง่ายขึ้น Style ที่เป็นเอกลักษณ์คือ Dress ที่ Pattern เนี๊ยบเท่ หรือ Shirtdress หรือกระโปรงบาน Full Skirt สีเดียวทั้งเซ็ทเสื้อผ้าหน้าผมต้องครบ ผมพองฟู แว่นตาทรงโต แต่ก็มีอีกลุคที่แอบเปรี้ยวแบบ Twiggy Mini กับผมซอยสั้นเก๋เท่กับกระโปรงสั้นแต่งหน้าแบบตุ๊กตา ส่วน Jumpsuit ก็เป็นอีกลุคที่ใส่กันเยอะมากไม่แพ้สมัยนี้เลย

7. Hippie to Disco 1970’s 
เป็นยุคของผู้คนที่รักอิสระ เสื้อผ้าเป็นแบบหลวมใส่สบายขึ้นแบบ Boho และ Gypsy ฮอตฮิตเป็นที่สุด ส่วนปลาย 1970’s Disco ก็เข้ามามีอิทธิพลกางเกงต้องเป็นขาบานหรือขาม้าเท่านั้น


เสน่ห์ของ Vintage Fashion คือแบบที่แต่งแล้วไม่ซ้ำใครแต่จะได้คะแนนเต็มก็ตรงที่การเลือกมาประยุกต์เป็นตัวของเราเอง นี่สิกินขาด แบบ”สวยไม่สน” เพราะไม่มีทางที่ใครจะมาซ้ำกับคุณได้เลย อย่าลืม shopping ทุกครั้ง ลองแนว Old & New มาผสมกันมันล้ำกว่ากันเป็นไหนๆการเลือกซื้อเสื้อผ้าของคุณจะไม่เสียเปล่าแถมยังเพิ่ม Value ได้อีกต่างหาก ถ้าคุณสามารถเลือกสรรและเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เชื่อสิ Fashion หมุนเวียนไปเดี๋ยวก็มา ไม่ต้องกังวล!


ที่มา
vintagethai.wordpress.com
www.coutureinthecity.com/
lollyandlola.blogspot.com